วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2551

วิตามินอี.....


ในปัจจุบันวิตามินอีได้รับ ความนิยมมากว่าเป็นวิตามินช่วย ชะลอความแก่หรือช่วยให้เป็นหนุ่ม เป็นสาว บ้างก็ว่าช่วยรักษาอาการ เป็นหมันในผู้ชายเพิ่มสมรรถภาพ ทางเพศ ช่วยรักษาโรคหัวใจหรือแม้ แต่ช่วยลดกลิ่นตัว มีการโฆษณา สรรพคุณกันมากจนมีคนยอมเสีย เงินหาซื้อมารับประทานมากมาย สรรพคุณต่างๆเหล่านี้ยังไม่อาจ พิสูจน์ความจริงได้ทั้งสิ้น

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบวิตามินอี โดยสกัดจากน้ำมันจมูกข้าวสาลี ได้ในปี พ.ศ. 2465 และได้ชื่อว่าโทโคฟีรอล ซึ่งมาจากรากศัพท์ภาษากรีก ที่แปลว่าลูก หน้าที่สำคัญของวิตามินอีในร่างกายคือเป็นตัวป้องกัน การเติมออกซิเจน เป็นสารป้องกันไม่ให้ออกซิเจนเข้าไปทำลายโมเลกุล ของไขมันไม่อิ่มตัว วิตามินเอ แคโรทีนและวิตามินซี ไขมันไม่อิ่มตัวนี้จะเป็น ของเหลวและไม่เป็นไข จึงมีประโยชน์เพราะไม่เกาะผนังของเส้นเลือด ไม่สร้างคอเลสเทอรอลและช่วยขับคอเลสเทอรอลด้วย วิตามินอีจึงสำคัญ และจำเป็นต่อร่างกาย อย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่าคนที่สุขภาพปกติ ซึ่งมีการดูดซึมอาหารได้ดีจะขาดวิตามินอี ทั้งนี้เนื่องจากวิตามินอีมีอยู่ ในอาหารมากมายหลายชนิด และร่างกายสามารถเก็บสะสมวิตามินอี ไว้ในเนื้อเยื่อของร่างกายได้มาก โดยเฉพาะเนื้อเยื่อไขมัน จึงทำให้ไม่เกิด อาการขาดวิตามินอี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับเป็นเวลานานก็ตาม อาการขาด วิตามินอีจะพบเฉพาะในทารกที่คลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักตัวต่ำกว่า ปกติ ซึ่งการดูดซึมไขมันจะลดลงจึงไม่สามารถใช้วิตามินอีได้ ทำให้ ออกซิเจนเข้าไปทำลายไขมันไม่อิ่มตัวบริเวณผนังเซลล์เม็ดเลือดแดง เป็นผลให้เม็ดเลือดแดงแตกง่าย เกิดภาวะโลหิตจาง

ความต้องการวิตามินอีของคนมากน้อยตามขนาดของร่างกาย สำหรับผู้ใหญ่ต้องการวันละ 8-10 มิลลิกรัม หญิงในระยะตั้งครรภ์ต้องการ เพิ่มขึ้นอีกวันละ 2 มิลลิกรัม และหญิงที่ให้นมลูกต้องการเพิ่มขึ้นอีกวันละ 3 มิลลิกรัม เด็กทารกควรได้รับวันละ 3 มิลลิกรัม ซึ่งถ้าเลี้ยงด้วยนมแม่ ก็จะได้รับอย่างเพียงพอ ความต้องการของเด็กจะเพิ่มขึ้นตามขนาดตัว จนถึง 8 มิลลิกรัม เมื่ออายุ 13-15 ปี ถ้ากินอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวมากขึ้น ความต้องการวิตามินอีจะเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากอาหารประเภทนี้ก็มี วิตามินอีอยู่มากแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกินวิตามินอีเพิ่มอีก

อาการเป็นพิษเนื่องจากได้รับวิตามินอีมากเกินไปเท่าที่มีรายงาน กับสัตว์ทดลองคือ อาการเวียนหัว ท้องเสีย แต่ไม่เคยพบอาการเป็นพิษ ในคนเลย ถ้าได้รับไม่ถึงวันละ 450 มิลลิกรัม (300 หน่วยสากล) ก็ไม่เป็นอันตราย อาหารที่มีวิตามินอีมากคือ น้ำมันพืช ข้าวต่างๆ พืชผักสีเขียว ไข่แดง ไขมันนม เนย ตับ ถั่วต่างๆ อาหารหลักห้าหมู่ มีวิตามินอีเกินความต้องการของทุกคน

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2551

เทคโนโลยีการศึกษา....


เทคโนโลยีการศึกษา
การศึกษา
การศึกษา คือ กระบวนการที่ทำให้มนุษย์เป็นผู้เจริญทั้งสติปัญญาและร่างกายทำให้เกิดการพัฒนาตลอดชีวิต
พุทธปรัชญา ที่ให้ความสำคัญกับกระบวนการศึกษา 3 ขั้น คือ ไตรสิกขา ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา โดยการเกิดปัญญานั้น ก็มาจากการมีสมาธิ การที่จะเกิดสมาธิได้ ก็ต้องมีศีลเป็นพื้นฐาน ดังนั้น มนุษย์ควร มีศีล เมื่อมีศีล ก็เกิดสมาธิ เมื่อมีสมาธิ ก็ย่อมเกิดปัญญา
การศึกษา คือการสร้างสมและถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ของมนุษย์เพื่อการแก้ปัญหาและยังให้เกิดความเจริญ การศึกษามีความจำเป็นที่ต่อเนื่อง และต้องการเปลี่ยนแปลงแก้ไขระบบการศึกษาอยู่เสมอ การศึกษามีความหมายกว้างขวางไกลและลึกกว่าการเรียนหนังสือ และการไปโรงเรียน การศึกษาก่อให้เกิดความเจริญทางพุทธิปัญญา จิตใจ สังคม และพลานามัย การศึกษามิใช่การเรียนรู้วิชา แต่เป็นการเรียนเพื่อให้ได้ความคิด นอกจากนี้การศึกษาเป็นการโน้มนำให้บุคคลเกิดความประจักษ์ใจ และพัฒนาความสามารถของตนให้รู้ว่าตนทำอะไรได้ มากกว่าการฝึกฝนเฉพาะอย่าง (เอกวิทย์ ณ ถลาง)
การเรียนรู้ คือ กระบวนการที่ทำให้คนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ความคิด คนสามารถเรียนได้จากการได้ยิน การสัมผัส การอ่าน

เทคโนโลยี
เทคโนโลยี (Technology) มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก คือ
Tech = Art ในภาษาอังกฤษ Logos = A study of
ดังนั้น คำว่า เทคโนโลยี จึงหมายถึง A study of art ซึ่งได้มีผู้แปลความหมาย สรุป ได้ว่าเทคโนโลยี หมายถึง การนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการพัฒนาและปฏิบัติงาน อย่างเป็นระบบ โดยสามารถนำไปใช้ในสาขาต่าง ๆ กัน และเรียกชื่อไปตามสาขาที่ใช้ เช่น
- เทคโนโลยีการเกษตร : การคิดค้นวิธีการเครื่องมือ ปัจจัยในการผลิต ทางการเกษตร
- เทคโนโลยีการคมนาคมขนส่ง : การคิดค้นเกี่ยวกับยานพาหนะ การเดินทาง การขนส่ง
- เทคโนโลยีการแพทย์ : การคิดค้นการตรวจรักษาโรค การผลิตยา และเครื่องมือทางการแพทย์
- เทคโนโลยีชีวิตประจำวัน : การประดิษฐ์เสื้อผ้า เครื่องใช้ในที่อยู่อาศัย อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
- เทคโนโลยีการสงคราม : อาวุธนิวเคลียร์
- เทคโนโลยีการสื่อสาร : การเก็บรวบรวมการค้นหา การส่งข้อมูลทั้ง ทางโทรเลข โทรศัพท์ วิทยุ คอมพิวเตอร์
- เทคโนโลยีการศึกษา : วิธีการให้ความรู้ ที่เกี่ยวข้องกับการวิธีการให้ การศึกษาสื่อการศึกษา และครุภัณฑ์ทางการ ศึกษา

สรุปเป็นประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. ความหมายของเทคโนโลยีการศึกษา ก็คือ ศาสตร์ว่าด้วยวิธีการทางการศึกษา การพัฒนา และการประยุกต์วัสดุ เครื่องมือ วิธีการ เพื่อนำมาใช้ในสถานการณ์การเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้เพื่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ของคนให้ดียิ่งขึ้น
เทคโนโลยี เป็นวิทยาการที่เกี่ยวกับศิลปะในการนำเอาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางอุตสาหกรรมและทางปฏิบัติ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เกี่ยวข้อง ทำให้มีการใช้เทคโนโลยีในสาขาต่าง ๆ เฉพาะทางเช่นการแพทย์ การกีฬา การสงคราม การศึกษา เป็นต้น
1. เทคโนโลยีการศึกษา เป็นกระบวนการที่พัฒนาระบบ และวิธีการตลอดจนการนำเครื่องมือและอุปกรณ์มาใช้ในการเรียนการสอน ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2. เป้าหมายของเทคโนโลยีการศึกษา ประกอบด้วย ทรัพยากรการเรียนรู้ต่าง ๆ การเรียนรู้แบบรายบุคคล เพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาของโลกในอนาคต รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงในด้านความรู้ ค่านิยม เศรษฐกิจ สังคม โดยเน้นกระบวนการพัฒนาคนมากขึ้น
3. เทคโนโลยีการศึกษาในประเทศไทย มีแนวโน้มในการสนองความต้องการเป็นรายบุคคล และให้ความสำคัญต่อการนำไปใช้ในการจัดการศึกษามากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา ตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542
การทำโปสเตอร์
*********** โปสเตอร์เป็นสื่อกราฟฟิกเพื่อใช้ในการเร้าความสนใจของผู้ชม ให้เกิดเจตคติที่ดีต่อเนื้อหาที่ต้องการเผยแพร่ หรือลงมือปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของเจ้าของโปสเตอร์***********

เทคนิคการออกแบบโปสเตอร์
1. เทคนิคการยึดรูปแบบ ตามแบบตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัว T S L Z
2.เทคนิคการยึดเนื้อหาแบ่งเป็น
2.1 แบบ window เน้นภาพ นำเสนอภาพใหญ่ชัดเจน
2.2 แบบ circus มีกลุ่มหัวข้อย่อยหลายหัวข้อไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับ
2.3 แบบ fram มีลักษณะของกลุ่มภาพหรือเนื้อหาวางติดต่อกัน
2.4 แบบ waxial มีรูปภาพอยู่ข้างๆแล้วอธิบายเนื้อหาประกอบภาพ
2.5 แบบ band คล้ายแบบ circus มีหัวข้อย่อยหลายหัวข้อแต่เนื้อหามีการเรียงลำดับขั้นตอน

สวัสดีปีใหม่


สวัสดีปีเก่า และขอสวัสดีปีใหม่ สำหรับชาวพุทธทุกท่านนะคะ
อดีตก็ผ่านไปแล้ว...อนาคตก็ไม่แน่นอน
ทั้งหมดที่เรามีอยู่ คือ "ปัจจุบัน"
ดังนั้นจงใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ฝากไว้ให้ใจคิด
ควรดำรงชีวิตอยู่เพื่อความสงบสุข รู้จักพอ รู้จักละ รู้จักทำใจ ยิ้มให้ได้ บอกกับตัวเองเสมอๆ ว่า "เราเกิดมาเพื่อสร้างบารมี สร้างความดี สร้างคุณธรรม ไม่ใช่เกิดมาเพื่อสร้างบาปกรรม" อย่าคิดมากไม่ได้ ในเมื่ออีกไม่นาน เราก็จะต้องตายแล้ว
....ชีวิตก็เหมือนดอกไม้ แรกบานก็งามสม แต่ไม่นานก็โรยรา....

คำอวยพร :- ฝากไว้สะกิจใจ
คนที่ไม่เคยบอกความจริงกับชีวิตตัวเองว่า "เดี๋ยวก็ตาย" นั้นเป็นคนที่น่าเป็นห่วงยิ่งนัก แต่คนที่ไม่ยอมรับความจริง บนความจริงที่เกิดขึ้นกับชีวิต นั้นเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด
ชีวิต คือ ความทุกข์ เพราะว่า...เงิน คือ สิ่งที่โกหกมนุษย์อยู่ตลอดเวลาว่า ชีวิตคือ ความสุข

โดยคุณ : pakaporn engka เมื่อ 23 ธันวาคม 2546, 23:44 น.

วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2551

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2551

เมื่อคิดจะแต่งงาน

1.หัดทำใจให้ได้ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในขณะที่ใช้ชีวิตคู่ ไม่เรียกร้องให้เขาเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ถ้าเขาไม่เป็นไปตามที่เราต้องการเราจะได้ไม่ผิดหวัง และพาลให้เกิดความแตกร้าว
2. หัดผ่อนปรนแก่กันบ้าง ให้เหมือนตอนที่เริ่มคบกัน รักกันใหม่ ๆ มอบกันในแง่ดี แม้บางครั้งเราจะไม่เห็นด้วยก็ตาม ก็ให้ยอมกันบ้าง
3. ลดความเป็นเจ้าของซึ่งกันและกัน ไม่เป็นเจ้าชีวิต เจ้าหัวใจ ไปเสียหมด เพราะคงไม่มีใครยอมและอดทนได้แน่นอน
4. ยอมรับในเรื่องรสนิยมส่วนตัวของแต่ละคน
5. เอื้อเฟื้อญาติมิตร เพื่อฝูง พี่น้องของคู่สมรสตามสมควร

ความฉลาดทางอารมณ์

อีคิวคืออะไร ? อีคิว หรือ E.Q. มาจากคำว่า Emotional Quotient หมายถึง ความฉลาดทางอารมณ ์
ความฉลาดทางอารมณ์ คือ ความสามารถทางอารมณ์ที่จะช่วยให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีความสุข

"ความมั่นใจ" ถือเป็นก้าวแรกสู่ความสำเร็จและเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต ทั้งเรื่องเรียนและการทำงาน นอกจากจะส่งผลให้เป็นคนกล้าแสดงออก และกล้าเผชิญกับเรื่องต่างๆ อย่างมั่นใจแล้ว ยังทำให้บุคลิกภาพดีด้วย แต่สำหรับใครที่ยังรู้สึกขาดความมั่นใจ "เกร็ดความรู้" สัปดาห์นี้มีวิธีเพิ่มความมั่นใจมาฝากกัน

1. ยอมรับตนเอง เพราะทุกคนย่อมมีความแตกต่างกัน จึงควรภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น โดยอย่านำตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น

2. อย่าลังเลที่จะเรียนหรือทำสิ่งที่ชอบ เพราะสิ่งที่เราคิดว่าทำไม่ได้นั้น อาจเป็นกิจกรรมที่ช่วยดึงพรสวรรค์ที่ซ่อนในตัวเราออกมาก็ได้


3. คิดมีเหตุผล เมื่อเกิดข้อผิดพลาดในเรื่องต่างๆ อย่าโทษตัวเองทุกเรื่อง และอย่าคิดว่าครั้งต่อ ๆ ไปก็จะผิดพลาดตลอด ควรใช้หลักการคิดอย่างมีเหตุผล เพราะหลายคนมักประเมินมาตรฐานตนเองต่ำเกินไป จึงยิ่งบั่นทอนความมั่นใจให้ลดน้อยลง

4. เผชิญหน้ากับปัญหา โดยคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเจอ หลังจากนั้นให้ใช้สติเพื่อการแก้ไขเพราะปัญหาทุกอย่างมีทางออก

5. รักษาสุขภาพกายและใจ ให้แจ่มใส ไม่หมกมุ่นอยู่กับข้อด้อยของตัวเอง เพราะข้อด้อยต่างๆ สามารถพัฒนาให้กลายเป็นข้อดีได้
6. บันทึกไดอารี่ความสำเร็จ ในเรื่องต่างๆ และเมื่อกลับมาอ่านจะช่วยให้เกิดความภูมิใจในความสามารถของตนเอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการดำเนินชีวิตได้ "ความมั่นใจ" นั้น แท้จริงแล้ว เป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่ในตัวเอง แค่เริ่มต้นจากการคิดง่ายๆ สร้างกำลังใจให้ตัวเอง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยสร้างความมั่นใจได้มากทีเดียว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ปรับให้ "ความมั่นใจ" กลายเป็นลักษณะนิสัยของตัวเองในที่สุด







a href="http://www.dolliecrave.com" target=_blank title="Saint Patrick's Day Comments"> Saint Patrick's Day Glitter Graphics from DollieCrave.com
Saint Patrick's Day Comments

กำลังใจ

กำลังใจที่ดีที่สุด..



บางคนเฝ้ารอหากำลังใจจากคนรอบข้าง..แต่เมื่อคนรอบข้างไม่อยู่กำลังใจนั้นก็หมดไปก็ต้องกลับมาท้อแท้และไขว้คว้าหามันใหม่..ทำอย่างงี้ไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุดแต่ถ้าเราลองสร้างกำลังใจขึ้นมาเองสิมันจะอยู่กับเรา..และไม่มีวันหมด..ถึงหมดก็สร้างใหม่สร้างใหม่หมดไป..เราก็สร้างใหม่ขึ้นมาเองอีกได้ไม่ต้องพึ่งคราย**กำลังใจที่ดีที่สุดไม่ได้มาจากคนที่เรารักหรือเราต้องการแต่เป็นกำลังใจที่ได้มาจากเราสร้างมันขึ้นมาเอง**